แดนสวรรค์ 7 ที่สวยใน หมู่เกาะแฟโร มหาสมุทรแอตแลนติก!

0
597

แดนสวรรค์ 7 ที่สวยใน หมู่เกาะแฟโร มหาสมุทรแอตแลนติก!

แดนสวรรค์ 7 ที่สวยใน หมู่เกาะแฟโร มหาสมุทรแอตแลนติก! ออกเดินทางสู่โพ้นทะเล ชมความงามของธรรมชาติไปกับ 7 ที่เที่ยวสวย หมู่เกาะแฟโร Faroe Islands ดินแดนสวรรค์กลาง มหาสมุทรแอตแลนติก เต็มไปด้วยทัศนียภาพสุด Unseen ของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ภูเขารูปทรงแปลกตา และหมู่บ้านเล็กๆ แสนน่ารัก ถือเป็นพิกัดแปลกใหม่สำหรับคนที่เบื่อการเที่ยวในเมือง และมาพักผ่อนฮีลใจไปกับธรรมชาติบริสุทธิ์และบรรยากาศเงียบสงบแห่งนี้

หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) คือกลุ่มเกาะจำนวน 18 เกาะใน เขตการปกครองตัวเองเดนมาร์ก ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางกลางมหาสมุทรแลตแลนติก (Atlantic Ocean) ระหว่าง สกอตแลนด์ นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ มีพื้นที่ทั้งหมด 1,399 ตารางเมตร และมีชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 1,117 กิโลเมตร อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา ประกอบไปด้วยหุบเขา หน้าผา ชายฝั่งทะเล น้ำตก ทุ่งหญ้า รวมถึงกลุ่มหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ ช่วงฤดูร้อน บรรยากาศของหมู่เกาะแฟโรจะอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ท้องฟ้าแจ่มใส ทั่วทั้งขุนเขาจะเป็นสีเขียวขจี แต่ถ้าเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี เราจะได้เห็น แสงเหนือ (Aurora) สาดส่องไล่สีอย่างสวยงามบนท้องฟ้า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าประทับใจสุดๆ

และเนื่องจากเป็นหมู่เกาะที่มีประชากรของแกะมากกว่าคน หมู่เกาะแฟโรจึงมีฉายาว่าเป็น “เกาะแห่งแกะ” ไปโดยปริยาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเมืองหรือที่อยู่อาศัยของคนเลยนะคะ หมู่เกาะแฟโรมีเมืองหลวงที่ชื่อว่า ทอร์สเฮาน์ (Tórshavn) ส่วนภาษาที่ใช้โดยทั่วไปบนหมู่เกาะจะเป็น ภาษาแฟโร แต่จะใช้ ภาษาเดนมาร์ก เป็นภาษาราชการค่ะ นอกจากเมืองหลวงแล้ว ตามเกาะต่างๆ ก็จะมีหมู่บ้านน้อยใหญ่สีสันสดใสตั้งอยู่ แต่งแต้มให้ทุ่งหญ้าไม่เวิ้งว้างจนเกินไป อีกทั้งยังไม่บดบังทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติสุดอลังอีกด้วย

1. Mulafossur Waterfall

น้ำตก Mulafossur (Múlafossur Waterfall) หนึ่งในแลนด์มาร์คชื่อดังของหมู่เกาะแฟโร อีกทั้งยังเป็นไฮไลท์ของ เกาะ Vagar Island เกาะท่องเที่ยวหลักของหมู่เกาะแห่งนี้ด้วย นอกจากจะได้ชมวิวสุดอลังของน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง 60 เมตร สู่ท้องทะเลแล้ว ตรงริมผายังเป็นที่ตั้งของ หมู่บ้าน Gásadalur (Gásadalur Village) หมู่บ้านเล็กๆ ที่สามารถชมทิวทัศน์ของ เทือกเขา Arnafjall ได้แบบพาโนรามา ในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยตัดขาดจากโลกภายนอกมาเป็นเวลานาน แต่หลังจากที่มีการสร้างอุโมงค์เมื่อปี ค.ศ. 2004 การเดินทางสู่หมู่บ้านและน้ำตก Mulafossur จึงเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นเลยค่ะ

2. Bour Village

หมู่บ้าน Bour (Bøur) หมู่บ้านเก่าแก่ริมชายฝั่ง โดดเด่นด้วยหลังคาหญ้า กลมกลืนกับทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก และแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียง 65 คนเท่านั้น แต่ถ้าพูดถึงความงดงามของทิวทัศน์แล้ว บอกเลยว่าไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะทิวทัศน์ของ Drangarnir Gate และ Tindholmur โขดหินรูปทรงประหลาดที่ตั้งอยู่กลางทะเลที่ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนเลยทีเดียว

3. Traelanipa

ชมทะเลสาบลอยฟ้าที่ Trælanípa หรือ Slave Cliff จุดชมวิวริมผาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 142 เมตร ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าโอบล้อม ทะเลสาบ Sorvagsvatn ที่ทอดยาวลงสู่มหาสมุทรแอนแลนติก หากมองจากอีกฟากหนึ่ง จะพบว่าทะเลสาบแห่งนี้ล่องลอยอยู่เหนือมหาสมุทร เป็นทัศนียภาพที่สวยอลัง และหาชมไม่ได้จากที่ไหนในโลก

4. Gjógv Village

หมู่บ้าน Gjógv (Gjógv Village) หมู่บ้านสีสันสดใสที่ตั้งอยู่บริเวณริมผาที่มีลักษณะเป็นหุบเหวลึกประมาณ 200 เมตรจากระดับน้ำทะเล เรียกว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่มีทิวทัศน์ที่สวยปังอลังการที่สุดในหมู่เกาะแฟโรเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเราจะได้เห็น Hvíthamar ภูเขารูปทรงสามเหลี่ยมที่ตั้งออกไปไม่ไกลนัก เป็นสวรรค์ของนักปีนเขาและนักผจญภัยที่อยากไปชมธรรมชาติ และต่อสู้กับขีดจำกัดของตัวเองเป็นอย่างมาก

5. Kallur Lighthouse

ผจญภัยสู่ เกาะ Kalsoy ชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของ ประภาคาร Kallur (Kallur Lighthouse) ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวริมผา Borgarin เป็นเวิ้งเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร ที่มีรูปทรงแปลกตา แต่สามารถชมวิวท้องทะเลและทุ้งหญ้าอันกว้างใหญ่ได้แบบ 360 องศา และด้วยทัศนียภาพที่หาที่ใดเปรียบไม่ได้ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำของ James Bond : No Time to Die ภาพยนตร์แอคชั่นฟอร์มยักษ์ชื่อดังอีกด้วย

6. Saksun Village

ห่างจาก ทอร์สเฮาน์ เมืองหลวงของหมู่เกาะแฟโรไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะพบกับ หมู่บ้าน Saksun (Saksun Village) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกมากที่สุดของหมู่เกาะแห่งนี้ โดดเด่นด้วยหลังคาที่ปกคลุมด้วยผืนหญ้า โดยเฉพาะ โบสถ์สีขาวปกคลุมด้วยหลังคาหญ้าสีเขียว ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงริมผา ชมวิวสวยๆ ของลากูน ทะเลสาบน้ำเค็มสีฟ้าสดใสที่โอบล้อมด้วยหุบเขาทั้งสองด้านก็รู้สึกเหมือนได้ชาร์จพลังชีวิตแล้ว

7. Vestmanna Sea Cliffs

นอกจากชมวิวริมผาแล้ว การนั่งเรือท่ามกลางมหาสมุทรแอตแลนติกก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดท้าทายที่สายลุยต้องไปลอง โดยเฉพาะการนั่งเรือชมฝูงนกที่ Vestmanna Sea Cliffs หน้าผาตรงชายฝั่งทะเล ปกคลุมด้วยไอหมอกจนทำให้เหมือนผจญภัยเข้าสู่ดินแดนพิศวง แนะนำให้ตรวจเช็คเรื่องสภาพอากาศและคลื่นลมทะเลให้ดีก่อนลงเรือเพื่อความปลอดภัยของทุกคนค่ะ

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย รีวิว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม ufalek.net

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่